Last updated: 30 ส.ค. 2565 | 284 จำนวนผู้เข้าชม |
ต่อมลูกหมากโต เกร็ดความรู้เพื่อสุขภาพของผู้ชาย
ต่อมลูกหมาก เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุ์ รูปร่างคล้ายลูกเกาลัดหุ้มรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น ปกติจะมีขนาดประมาณ 15-20 กรัม หน้าที่ที่สำคัญของต่อมลูกหมาก คือ การสร้างน้ำอสุจิ โดยทั่วไปต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญเติบโตหลังจากอายุ 20 ปี จนกระทั่งอายุประมาณ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกครั้ง และเป็นจุดเริ่มต้นของ โรคต่อมลูกหมากโต
โรคต่อมลูกหมากโต
จะพบได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น ยิ่งถ้ามีชีวิตยืนยาวถึง 80-90 ปี ผู้ชายทุกคนในวัยนี้ จะมี ต่อมลูกหมากโต กันทั้งหมด แต่ไม่ใช่ผู้ป่วย ต่อมลูกหมากโต ทุกคนจะมีอาการ บางคนมีอาการน้อยมาก เช่น ความแรงของปัสสาวะลดลงบ้าง แต่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ในขณะที่บางคนอาจอาการหนักถึงขั้นปัสสาวะไม่ออกได้ สำหรับอาการของ โรคต่อมลูกหมากโต ที่สำคัญมีอยู่ 7 อย่างคือ
ถ่ายปัสสาวะบ่อย
ปัสสาวะไหลไม่แรง
เวลาปวดปัสสาวะต้องรีบเข้าห้องน้ำรอไม่ได้
ถ่ายปัสสาวะเสร็จแล้วรู้สึกไม่สุด
ปัสสาวะไหล ๆ หยุด ๆ
ต้องเบ่งช่วยเวลาถ่ายปัสสาวะ
ถ่ายปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
โรคต่อมลูกหมากโต อาจมีภาวะแทรกซ้อน
ได้แก่ ปัสสาวะไม่ออกเลย ทางเดินปัสสาวะอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อม หรือ กระเพาะปัสสาวะเสื่อม ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นต้น ซึ่งอาจพบได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของผู้ป่วย ต่อมลูกหมาก ทั้งหมด
การตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยตามโรงพยาบาล โรคต่อมลูกหมากโต
การซักประวัติ บ่อยครั้งแพทย์ให้ผู้ป่วยทำแบบสอบถาม ( IPSS ) เพื่อประเมินความรุนแรงของความผิดปรกติของการถ่ายปัสสาวะ
การตรวจทวารหนักเพื่อคลำ ต่อมลูกหมาก เนื่องจาก ต่อมลูกหมาก อยู่ภายในร่างกาย ดังนั้น การใช้นิ้วคลำจะเป็นวิธีการตรวจร่างกายที่ง่ายที่สุดในการประเมินถึงลักษณะทางภายกายภาพของ ต่อมลูกหมาก และที่สำคัญยังสามารถบอกได้ถึงความผิดปรกติที่สงสัย มะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วย
การตรวจปัสสาวะ เป็นขั้นตอนที่สำคัญ และจำเป็นต้องทำในผู้ป่วยทุกราย เพื่อดูว่ามีการอักเสบติดเชื้อ มีเม็ดเลือดผิดปรกติหรือไม่ และยังเป็นการบอกถึงความผิดปรกติของร่างกายในระบบอื่นได้
การตรวจเลือดเพื่อหาค่า PSA ( prostatic specific antigen ) จะตรวจต่อเมื่อผู้ป่วยมีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง และน่าจะมีชีวิตยืนยาวมากกว่า 10 ปีขึ้นไป เนื่องจาก มะเร็งต่อมลูกหมาก ระยะแรก มีแนวโน้มจะโตและลุกลามช้า
การตรวจอัลตราซาวน์ ส่วนมากมักใช้เมื่อมีความผิดปรกติในการตรวจปัสสาวะ แต่ปัจจุบันเป็นที่นิยมส่งตรวจกันมากขึ้น เนื่องจากปลอดภัยและให้ประโยชน์สูง
การตรวจความแรงในการไหลของปัสสาวะ ( Uroflowmetry ) มักจะร่วมกับการตรวจปัสสาวะที่เหลือค้าง หลังจากปัสสาวะหมดแล้ว มีประโยชน์ในการประเมินความรุนแรงและติดตามการรักษา
การตรวจอื่นๆ เช่น การส่องกล้อง การตรวจยูโรพลศาสตร์จะทำเมื่อมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน
แนวทางการรักษา โรคต่อมลูกหมากโต
สำหรับ โรคต่อมลูกหมากโต นั้น ส่วนมากมักจะมีผลต่อคุณภาพชีวิต มากกว่าจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ดังนั้น การรักษาจะมุ่งเน้นที่จะให้อาการขับถ่ายปัสสาวะของผู้ป่วยดีขึ้น และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนจาก ต่อมลูกหมากโต โดยทั่วไป สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยและไม่มีผลต่อคุณภาพชีวิต อาจยังไม่ต้องรักษาเพียงแต่เฝ้าติดตามไปก่อนได้ สำหรับการรักษาในปัจจุบัน ได้แก่
1. การใช้ยา ปัจจุบันมียาเพื่อใช้รักษาอาการของ โรคต่อมลูกหมากโต มากมาย สามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่มดังนี้
ยาในกลุ่มอัลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha adrenergic blockers) ซึ่งสมัยก่อนจะใช้เป็นยาลดความดัน แต่ปัจจุบันได้พัฒนาต่อจนมีผลต่อความดันโลหิตน้อยมาก ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เร็ว ผู้ป่วยจะรู้สึกปัสสาวะสะดวกขึ้นภายใน 3 วัน แต่ถ้าหยุดยาและอาการก็จะกลับมาอย่างรวดเร็ว ยาในกลุ่มนี้จะใช้กันแพร่หลายที่สุด
ยาที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมน (DHT) (Dihydrotestosterone) ยาในกลุ่มนี้จะลดการสร้างฮอร์โมน DHT ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของ ต่อมลูกหมาก แม้ว่าจะออกฤทธิ์ช้า แต่สามารถลดขนาดของ ต่อมลูกหมาก ได้ในระดับหนึ่ง จะมีประโยชน์เฉพาะผู้ป่วยที่มี ต่อมลูกหมาก ค่อนข้างโต
ยาสมุนไพร มีอยู่หลายชนิด สำหรับชนิดที่แพร่หลายที่สุด และได้ผลดีที่สุดคือ HASHI-P-FLOW ดูแลรักษา โรคต่อมลูกหมากโต ทั้ง 3 ระยะ โดยไม่ต้องกินยา ไม่ต้องผ่าตัด
2. การรักษาโดยการผ่าตัด ส่วนมากจะเป็นการผ่าตัดผ่านกล้อง หรือที่รู้จักในชื่อ TURP ซึ่งยังคงเป็นมาตรฐานการผ่าตัด ในขณะนี้การรักษาโดยการผ่าตัดจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วย โรคต่อมลูกหมากโต และมีภาวะแทรกซ้อน หรือการทานยาไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามมีการผ่าตัดวิธีการอื่นที่สามารถลดภาวะแทรกซ้อนหรือลดระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลได้ เช่น การใช้เลเซอร์ช่วยในการผ่าตัด การใช้ขดลวดตาข่ายขยาย ต่อมลูกหมาก เป็นต้น
28 มี.ค. 2566
21 มี.ค. 2566